การควบคุมงานก่อสร้างไม่ใช่แค่เรื่องของการบริหารเวลา แต่ยังรวมถึงการจัดการงบประมาณ ตรวจสอบคุณภาพงานในแต่ละขั้นตอน ไปจนถึงการสื่อสารกับทีมงานและผู้รับเหมารายย่อย ซึ่งทั้งหมดนี้ล้วนมีผลต่อความสำเร็จของโครงการโดยตรง
การมีระบบติดตามงานก่อสร้างที่ทันสมัย จึงกลายเป็นเครื่องมือสำคัญ ซึ่งจะช่วยให้ทุกกระบวนการในไซต์งานสามารถดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการควบคุมงานได้แบบเรียลไทม์และลดความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
การควบคุมงานก่อสร้างต้องทำอะไรบ้าง ?
การควบคุมงานก่อสร้างที่มีประสิทธิภาพต้องครอบคลุมหลายด้าน เช่น
การวางแผนและติดตามแผนงาน (Scheduling & Tracking)
การติดตามความคืบหน้าของงานเทียบกับแผนที่วางไว้ เป็นหัวใจสำคัญของการควบคุมดูแลโครงการก่อสร้าง โดยระบบหรือแอปฯ ติดตามงานก่อสร้างจะช่วยให้ผู้บริหารโครงการสามารถเช็กความคืบหน้าได้แบบเรียลไทม์ อีกทั้งการมีข้อมูลที่ถูกต้องและแม่นยำ จะช่วยให้การตัดสินใจปรับแผนงานเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำมากยิ่งขึ้น
การควบคุมงบประมาณ (Cost Control)
การบริหารงบประมาณ เป็นส่วนสำคัญของการทำโครงการก่อสร้าง ดังนั้นการตรวจสอบค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงเทียบกับงบประมาณที่ตั้งไว้ จะช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารเงินทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และป้องกันปัญหางบประมาณบานปลาย
การตรวจสอบคุณภาพ (Quality Inspection)
อีกหนึ่งบทบาทสำคัญในการควบคุมงานก่อสร้าง คือการตรวจสอบข้อมูล Defect หน้างานในแต่ละขั้นตอนอย่างละเอียด พร้อมติดตามการแก้ไขให้เป็นไปอย่างมีระบบ และไม่มีข้อผิดพลาดหลุดไป เพื่อสร้างความมั่นใจในโครงการก่อสร้าง รวมถึงเป็นการรับประกันคุณภาพงานอีกด้วย
การจัดการวัสดุและแรงงาน (Resource Management)
วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง รวมไปถึงกำลังคน นับเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยให้การดำเนินงานเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นจึงควรจัดสรรวัสดุและจัดการกำลังคนอย่างเหมาะสม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนโครงการได้อย่างสมเหตุสมผล
การสื่อสารภายในทีม (Collaboration)
โครงการก่อสร้างจำเป็นต้องอาศัยการทำงานร่วมกันของหลายฝ่าย ตั้งแต่ผู้บริหาร โฟร์แมน วิศวกร ไปจนถึงผู้รับเหมา การสื่อสารภายในทีมอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นข้อมูลตรงกันและทันเหตุการณ์ ช่วยลดความเข้าใจผิดที่อาจส่งผลกระทบต่องานได้
ระบบติดตามงานก่อสร้างคืออะไร ?
ระบบติดตามงานก่อสร้าง คือเครื่องมือดิจิทัลที่ใช้ในการจัดการตรวจสอบและติดตามความคืบหน้าของโครงการก่อสร้างแบบเรียลไทม์ ซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบแอปฯ ตรวจงานก่อสร้าง โดยมักประกอบด้วยฟีเจอร์สำคัญ เช่น
- ระบบแจ้งและตรวจสอบ Defect ทำให้ทีมงานสามารถระบุปัญหา หรือจุดบกพร่องในงานก่อสร้างได้ทันที
- ระบบอัปเดตรูปภาพหน้างาน ช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนสามารถเห็นความคืบหน้าของงานผ่านภาพถ่ายและรายงานที่จัดเก็บอย่างเป็นระบบ
- Dashboard แสดงสถานะโครงการ พร้อมทั้งสรุปข้อมูลสำคัญไว้ในที่เดียว เพื่อให้ง่ายต่อการติดตาม และปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินงาน
- ระบบอนุมัติงานหรือแจ้งเตือนอัตโนมัติ เพื่อให้ผู้รับผิดชอบงานสามารถดำเนินงานในส่วนต่าง ๆ ได้อย่างรวดเร็ว ลดความล่าช้าในการทำงาน
- การจัดเก็บประวัติงานในแต่ละวัน เพื่อให้ง่ายต่อการตรวจสอบย้อนหลังและวางแผนงานในอนาคต
เหตุผลที่ต้องใช้ระบบติดตามงานก่อสร้าง
การใช้ระบบติดตามงานก่อสร้าง มีข้อดีหลายประการ ดังนี้
เพิ่มความแม่นยำในการบริหารงาน
ระบบดิจิทัลช่วยลดความผิดพลาดจากการจดบันทึกด้วยมือ หรือการสื่อสารที่ไม่ชัดเจน ทำให้ข้อมูลที่ได้มีความถูกต้องและน่าเชื่อถือมากขึ้น
ตรวจสอบงานได้แบบเรียลไทม์
ผู้บริหารสามารถเห็นความคืบหน้าโครงการทุกวัน ผ่านภาพถ่ายและรายงานอัตโนมัติ ทำให้สามารถตัดสินใจแก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที
ลดปัญหาซ้ำซ้อน
ปัญหา Defect ที่ตรวจไม่ครบ หรืองานซ้ำซ้อนจากการสื่อสารที่คลาดเคลื่อน จะหมดไปเมื่อทุกฝ่ายทำงานอยู่บนแพลตฟอร์มเดียวกัน
ปรับปรุงการตัดสินใจ
การมีข้อมูลที่อัปเดตอยู่เสมอ ทำให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจปรับปรุงแผนการดำเนินงานได้อย่างแม่นยำ และช่วยให้โครงการเดินหน้าได้รวดเร็วกว่าเดิม
ประหยัดเวลาและต้นทุน
ระบบติดตามงานช่วยลดเวลาการเดินทางเพื่อเข้าไปตรวจสอบหน้างาน รวมถึงสามารถมุ่งตรงไปตรวจสอบในส่วนที่ต้องปรับปรุงได้ทันทีทุกจุดโดยไม่หลงลืมหรือต้องเสียเวลาค้นหาใหม่ และลดต้นทุนที่เกิดจากความล่าช้าหรือความผิดพลาดในการทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปัจจัยในการเลือกระบบตรวจติดตามงานก่อสร้างมาใช้งาน
ก่อนตัดสินใจเลือกใช้งานระบบตรวจติดตามงานก่อสร้างใด ๆ ควรพิจารณาปัจจัยเหล่านี้
ฟีเจอร์ครอบคลุม
ระบบหรือแอปฯ ติดตามและตรวจงานก่อสร้างที่ดี ควรมีฟังก์ชันที่จำเป็น เช่น Defect Checklist, การแนบรูปภาพ, รายงานแบบรายวัน, การอนุมัติ เพื่อตอบโจทย์การทำงานในแต่ละวันอย่างครบถ้วน
รองรับทั้ง Web และ Mobile App
การใช้งานที่สะดวกทุกที่ ทุกเวลา เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการทำงานในไซต์ก่อสร้างที่ต้องมีการเคลื่อนที่ตลอดเวลา ดังนั้นควรเลือกระบบติดตาม ตรวจบ้านและคอนโด ที่รองรับทั้งบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชันจึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
ใช้งานง่าย
อินเทอร์เฟซของระบบหรือแอปฯ ตรวจบ้านและคอนโดควรเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน เพื่อให้ทีมงานสามารถเรียนรู้และใช้งานได้อย่างรวดเร็ว
ระบบรองรับหลายผู้ใช้งาน
เนื่องจากในโครงการก่อสร้างจะต้องมีทีมงานหลายฝ่ายทำงานร่วมกัน การเลือกระบบที่รองรับผู้ใช้งานอย่างหลากหลาย จะช่วยให้การทำงานราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
มีทีมงานซัปพอร์ต
การมีทีมงานของผู้ให้บริการระบบหรือแอปพลิเคชันคอยช่วยเหลือเมื่อเกิดปัญหา หรือให้คำแนะนำในการใช้งาน จะช่วยให้การเปลี่ยนผ่านรูปแบบการทำงานไปสู่ระบบดิจิทัลเป็นไปอย่างราบรื่น อีกทั้งทำให้สามารถดำเนินงานได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย
ราคาและความคุ้มค่า
สิ่งสำคัญประการสุดท้าย คือควรเลือกแพ็กเกจให้เหมาะกับขนาดโครงการและความต้องการจริง โดยพิจารณาทั้งค่าใช้จ่ายเริ่มต้น รวมถึงค่าใช้จ่ายในการดำเนินการต่อเนื่อง เปรียบเทียบกับประโยชน์ที่จะได้รับจากการใช้งานระบบ เพื่อให้คุ้มค่าและใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
ด้วยข้อดีนานาประการที่กล่าวมา คงเห็นแล้วว่าทำไมต้องมีระบบติดตามงานก่อสร้าง และถึงเวลาที่จะนำแอปฯ ติดตามงานก่อสร้างมาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินโครงการก่อสร้างต่อไป
สำหรับผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการแอปฯ ติดตามและตรวจงานก่อสร้าง ที่สามารถใช้งานได้ทั้งบนเว็บไซต์และแอปพลิเคชัน รองรับทั้งระบบ iOS และ Android เพื่อควบคุมและติดตามงานก่อสร้างได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวดเร็ว และสะดวกครบครัน แนะนำ FASTInspect แอปตรวจงานก่อสร้างที่ช่วยให้คุณมั่นใจในคุณภาพโครงการของคุณมากยิ่งขึ้น
ติดต่อสอบถามหรือสมัครใช้บริการ
โทร: 099-826-3928 หรือ 080-447-0066
อีเมล: sales@iconframework.com
ข้อมูลอ้างอิง
- What is Construction Management?. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 จาก https://www.cmaanet.org/about-us/what-construction-management
- What Is Construction Management?. สืบค้นเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม 2568 จาก https://www.coursera.org/articles/construction-management